ความสุข…สร้างได้ทุกวัน (คิดบวก…ชีวิตบวก)
“ความสุข…สร้างได้ทุกวัน (คิดบวก…ชีวิตบวก)” ประโยคเล็กๆ ที่สามารถยึดโยงสมองและหัวใจ ไปสู่เรื่องราวดีๆ เพิ่มความสดใหม่ให้ชีวิต ถือเป็นการสร้างความสุขให้ตัวเอง โดยเริ่มจากความคิดที่ดีๆก่อน คิดอย่างไรให้เป็นบวก คิดให้เป็นสุข เหมือนทำได้ยาก แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็สามารถคิดบวกได้ และเนื่องใน “วันความสุขสากล” (The International Day of Happiness) ประจำปี 2559 ซึ่งตรงกับวันที่ 20 มี.ค. ของทุกปี และจากการสำรวจความสุขของไทยในภาพรวม ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าในปี 2558 เท่ากับปี 2557 ซึ่งมีค่าความสุขอยู่ที่ร้อยละ 31.51 โดยผู้ชายมีความสุขมากกว่าผู้หญิงที่ร้อยละ 31.84 ส่วนผู้หญิงมีค่าความสุขอยู่ที่ 31.26 ส่วนในระดับโลกคนไทยถูกจัดให้อยู่ในประเทศที่มีความสุขระดับกลางๆ ซึ่งถ้าค่าความสุขเพิ่มขึ้นก็จะเป็นการดี เพราะในปี 2559 คาดว่าจะมีภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมไม่น้อย ขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่กระเตื้องมากนัก อาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของคนได้ง่าย เนื่องจากค่าความสุขของคนไทยจะสัมพันธ์กับสภาวะแวดล้อม เนื่องจากส่วนมากเป็นเกษตรกร รวมถึงความมั่นคงทางอาชีพการงานที่คนในเมืองมักรู้สึกไม่ปลอดภัย
ในยุคสมัยที่สังคมมีการแข่งขันสูง บางคนเกิดความผิดหวัง โทษตัวเอง กลายเป็นคนคิดลบ ไม่มีความสุข จะมองสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ทำให้เกิดความเครียด เศร้าเสียใจ จึงควรค่อยๆ ปรับพฤติกรรมให้กลายเป็น “คนคิดบวก” เพราะการ คิดบวกเป็นทักษะอย่างหนึ่งที่ต้องฝึกฝน ด้วยการหมั่นตั้งคำถามกับตัวเองว่า วันนี้ สัปดาห์นี้ มีสิ่งดีๆ อะไรเกิดขึ้นบ้าง หรือหมั่นทบทวนว่า ปัญหาที่พบเจอให้ประโยชน์อะไรกับชีวิต ซึ่งการฝึกให้คิดบวกบ่อยๆ จะทำให้คนผู้นั้นมีมุมมองทางบวกต่อสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นอัตโนมัติ นอกจากนี้ การคิดบวกหรือการมองโลกในแง่ดี จะช่วยให้มองเห็นโอกาสที่แฝงมากับปัญหา ทำให้ความคิดของแต่ละคนเติบโตและเข้าใจชีวิตมากขึ้น จนเกิดเป็นความสุขและความสบายใจ เป็นทุกข์น้อยลง มีแรงจูงใจที่ จะต่อสู้กับชีวิตและเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งวิธีการสร้างความสุขที่ได้จากการคิดบวก คือ1.การมองตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็น ความทุกข์ส่วนใหญ่มาจากการที่มองตัวเองต่างไปจากที่เป็นอยู่ เช่น วันนี้เราอยู่ที่ตรงนี้ ใจเราไปอยู่อีกที่ เราไปคิดเรื่องโน่น เรื่องนี้ เรื่องที่ไม่ได้อยู่ในตัวของเราเอง หรือบางคนอยู่ในตำแหน่งหรือที่ที่น่าจะมีความสุขก็มองออกไปไกลตัวมาก มัวไปคิดถึงเรื่องที่ไม่ได้อยู่ใกล้ตัวเอง 2. มองสิ่งที่เป็นโอกาสสำหรับตัวเอง ทุกๆครั้ง เวลาที่พูดเรื่องความคิดบวกกับความคิดลบ หลายคนคงเคยได้ยิน ว่าน้ำในแก้วใบหนึ่ง เมื่อน้ำหกออกไปแล้ว คนที่คิดบวกจะมองสิ่งที่ยังเหลืออยู่ และสิ่งที่ยังเป็นอยู่ แต่คนที่มีความคิดลบ คนที่ไม่มีความสุข จะมองน้ำที่หกไปแล้ว เกิดความเศร้าเสียใจ แต่ถ้าจะคิดไปข้างหน้า ต้องมองสิ่งที่เหลืออยู่ 3. เรียนรู้จากสิ่งที่ทำให้เราเกิดความทุกข์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามีในตัวเองอยู่แล้ว แต่ต้องเปิดใจอีกใจหนึ่งรับบางส่วนอีกว่า ในเมื่อมองกลับไปดูบทเรียนจากชีวิตที่ผ่านๆมา อย่าให้สิ่งเหล่านั้นทำให้เป็นทุกข์ และไม่เคยที่จะเรียนรู้จากสิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์เลย ในเมื่อมองกลับไปหลายครั้งเราจะพบว่า เรามีวิธีคิดคนละอย่างซึ่งมันเป็นเหมือนเหรียญคนละด้าน เวลาเราอยู่กับคิดบางอย่าง เราจะกลับมาคิดบวกไม่ได้ เหมือนฝังตัวเองไปในสิ่งที่ล้มเหลว สิ่งที่ผิดพลาด ติดอยู่กับความคิดบางอย่าง ที่ทำให้กลับมาคิดบวกไม่ได้ และเมื่อกลับมาคิดบวกไม่ได้ เราก็หาความสุขที่จะเดินต่อไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าจะใช้โอกาส มองว่าที่ผ่านมาได้บทเรียนอะไรจากการใช้ชีวิต ยกตัวอย่างเช่น เป็นคนที่ปล่อยตัวตามสบาย เวลาตั้งใจจะทำให้เสร็จก็ ผัดวันประกันพรุ่ง จนกระทั่งทุกอย่างยุ่งยากไปหมด และในที่สุดอาจจะสูญเสียโอกาสไป เพราะว่าไม่ได้ทำทุกอย่างให้พร้อม
ถ้าทุกวันมีเรื่องเรียนรู้ที่เป็นเรื่องสนุก ทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าความรู้สึกที่เกิดเรื่องจะเป็นทุกข์หรือสุข แต่ถ้าได้เรียนรู้กับมันแล้วเลือกการเรียนรู้ที่ให้ประโยชน์แก่ตัวเอง จะเป็นประสบการณ์ที่มีความสุขกับตัวเองเสมอ
**********************
เรียบเรียงโดย นายอานนท์ ฉัตรทอง นักวิชาการสาธารณสุข กองสุขภาพจิตสังคม
ที่มา : – สรุปผลที่สำคัญ การสำรวจสุขภาพจิต (ความสุข) คนไทย สิงหาคม พ.ศ. 2558 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ , บทสัมภาษณ์แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร รองอธบิดีกรมสุขภาพจิต รายการคนสู้โรค ThaiBPS: ปรับเปลี่ยนตัวเอง สร้างสุขรับปีใหม่ 7 มกราคม 2559
ความสุขสร้างได้…..ทุกวัน Happy Everyday
1.อยู่กับคนที่ทำให้เรายิ้มได้ เราจะมีความสุขที่สุดเมื่ออยู่ท่ามกลางคนที่มีความสุขเหมือนกัน ให้เราอยู่กับ คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส สร้างอารมณ์สุนทรีย์เพราะคนเหล่านั้นจะพลอยพาให้เราหัวเราะและมีความสุขไปด้วย
2.ยึดถือคุณค่าในตัวเอง อะไรคือความเชื่อของเรา อะไรคือสิ่งที่ยึดถือ เช่น ความเมตตากรุณา ความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม หากเราให้ความสำคัญต่อคุณค่าเหล่านี้มากเท่าไหร่ เราจะมีความรู้สึกที่ดีต่อตัวเองและคนที่เรารักมากขึ้นเท่านั้น
3.ยอมรับสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม อย่าผลักไสสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นและคิดว่าสิ่งนั้นไม่สมบูรณ์แบบ ให้เรายอมรับสิ่งดีที่เกิดขึ้นแม้ว่าจะเป็นสิ่งน้อยนิดก็ตาม
4.จินตนาการถึงการประสบความสำเร็จ อย่ากลัวว่าสิ่งที่เราคาดหวังไว้นั้นเราจะไปไม่ถึง ให้เราวาดภาพความสำเร็จของตัวเอง หลายคนไม่กล้าวาดภาพความสำเร็จของตัวเอง เพราะกลัวว่าจะทำให้ตัวเองผิดหวัง แต่ในความจริงการจินตนาการถึงความสำเร็จของตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้เราไปถึงจุดนั้น
5.ทำในสิ่งที่เรารัก แม้ว่าเราไม่สามารถไปนั่งชมวิวชายทะเลทุกวัน หรือดำน้ำดูปะการังที่เราชอบได้บ่อยๆ แต่การได้ทำในสิ่งที่เรารักบ้างนานๆครั้ง จะช่วยเพิ่มความสุขให้แก่เราอย่างไม่น่าเชื่อ
6.มีเป้าหมายในชีวิต คนที่มีเป้าหมายในชีวิตจะพยายามไปถึงจุดนั้นและจะมีความรู้สึกที่ดีต่อตัวเองและ ต่อชีวิต
7.ทำตามใจของเรา เราเป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถบอกตัวเราเองได้ว่าอะไรจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรา มีความสุข ไม่ใช่สิ่งที่ครอบครัวหรือเพื่อนๆบอก แต่เป็นสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจตัวเอง
8.ผลักดันตัวเองไม่ใช่กดดันผู้อื่น เป็นการง่ายที่เราจะรู้สึกว่าความสำเร็จของเรานั้นขึ้นอยู่กับคนอื่น แต่ความเป็นจริงแล้วสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับเรา เมื่อเราเข้าใจและตระหนักในสิ่งนี้แล้ว ในทางกลับกันสิ่งเหล่านี้จะมีอำนาจผลักดันให้เราไปถึงจุดหมายได้ ให้เราหยุดตำหนิโลกนี้และคนอื่น อย่าเปรียบเทียบตัวเราเองกับคนอื่น และเราจะค้นพบคำตอบในไม่ช้า
9.เต็มใจรับการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าอาจจะยาก แต่ให้เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงทำให้เราได้เรียนรู้ประสบการณ์แปลกๆใหม่ๆในชีวิต และจะทำให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จอีกขั้นหนึ่ง
10.พอใจกับชีวิตง่ายๆ คิดทางบวกอยู่เสมอ เช่น เรามีคนที่รักเรา เรามีความทรงจำที่ดี เรามีเพื่อนที่ดี วันนี้รถติดน้อยกว่าเมื่อวาน สิ่งง่ายๆ เหล่านี้ทำให้ชีวิตของเราดำเนินต่อไปได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร
11.ทำดีกับทุกคน การทำดีกับผู้อื่นจะช่วยสร้างความสุขให้แก่ตัวเรา ไม่ว่าความดีที่เราทำนั้นจะเล็กน้อยเพียงใด แต่จะช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีต่อตัวเราได้
12.มีความเพียงพอ รู้จักประหยัด การมีหนี้สินหรือการใช้จ่ายเกินตัว ทำให้เราเป็นทุกข์ สิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตนั้นมีไม่กี่อย่าง แต่สิ่งที่เราต้องการมีมากจนไม่รู้จบ ให้เรารู้จักพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ ว่าเรามีเพียงพอแล้ว ความละโมบทำให้เราเกิดความทุกข์ จากการไม่รู้จักพอ
13.เป็นพ่อแม่คน สิ่งนี้หลายคนอาจไม่เห็นด้วย แต่การจากศึกษาพบว่าการเป็นพ่อแม่หรือผู้ปกครองทำให้เรามีประสบการณ์อีกขั้นหนึ่งในชีวิตที่คนที่ไม่มีลูกไม่ได้รับ แต่ไม่ได้หมายความว่าการเป็นพ่อแม่คนทำให้เรามีความสุขแต่การเป็นพ่อแม่เป็นการเชื่อมต่อของความสุขและเป็นสิ่งที่มีความหมาย จากการศึกษาของ Lyubomirsky ในปี 2012 พบว่า การเป็นพ่อ แม่ของลูกเป็นประสบการณ์ที่ทำให้มีความสุขอีกขั้นหนึ่งของชีวิตและทำให้เรารู้จักความหมายของชีวิตมากขึ้น
ความสุขเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราและหาได้ไม่ยาก แค่เพียงเริ่มต้นจากการเข้าใจตัวเอง มองเห็นคุณค่าในตัวเอง พอใจกับชีวิตง่ายๆ รู้จักพอ และพร้อมจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อรับความเปลี่ยนแปลงและประสบการณ์แปลกๆ ใหม่ๆ ในชีวิต
ข้อมูลอ้างอิงจาก http://m.psychologytoday.com