รายงานสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสังคมไทย ประจำปี 2558 โดยศูนย์วิจัยปัญหาสุรา โดยใช้ข้อมูลในรอบ 3 ปี (พ.ศ.2554-2557) สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2557 พบว่า การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2554 ประชากรอายุมากกว่า 15 ปี ที่บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คิดเป็นร้อยละ 31.5 หรือราว 17 ล้านคน ในขณะที่ปี พ.ศ. 2557 สัดส่วนดังกล่าวเท่ากับร้อยละ 32.3 หรือราว 17.7 ล้านคน เท่ากับว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นประมาณ 7 แสนคน โดยประชากรหญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นนักดื่มสูงขึ้น จากร้อยละ 10.9 ในปี พ.ศ. 2554 มาเป็นร้อยละ 12.9 ในปี พ.ศ. 2557 และในการจำแนกกลุ่มอายุ พบว่า ประชากรในทุกช่วงอายุมีสัดส่วนนักดื่มสูงขึ้น โดยกลุ่มวัยรุ่น อายุ 15-19 ปี มีสัดส่วนการดื่มเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.9 และ 14.3 ในปี พ.ศ. 2554 และ 2557 ตามลำดับ ซึ่งจะกลายมาเป็นนักดื่มในที่สุด
สาเหตุของการเริ่มดื่มและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะต้องการผ่อนคลายจากการทำงาน การเรียน ตามเพื่อน เท่ห์ ต้องการได้รับการยอมรับจากกลุ่ม หาซื้อง่าย ใกล้บ้าน ใกล้สถานศึกษา และเห็นจากการโฆษณาทั้งในสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์
ผลกระทบจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นมีหลายด้าน ได้แก่
1. อุบัติเหตุและการบาดเจ็บต่าง ๆ
2. โรคทางกาย เช่น โรคตับแข็ง มะเร็ง ฯล
3. ปัญหาทางสุขภาพจิตจากการดื่มสุรา ทำให้เกิดโรคจิตเวชที่เกิดจากการดื่มสุรา เช่น โรคซึมเศร้าจากการดื่มสุราเรื้อรัง หูแว่ว นอนไม่หลับ ความบกพร่องของความจำ ความผิดปกติจากการนึกคิดและอารมณ์
4. ปัญหาความรุนแรงและอาชญากรรมต่าง ๆ
5. ปัญหาความยากจน
6. ปัญหาครอบครัว
และมีข้อมูลที่น่าสนใจจากการศึกษาผลกระทบจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อบุคคลรอบข้างผู้ดื่ม จากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา, 2558 ได้ยกตัวอย่างผลกระทบต่อครอบครัวซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ เช่น
- เยาวชนที่มีพ่อติดสุรา (Alcohol dependence) มีความเสี่ยงต่อความผิดปกติทางสุขภาพจิตมากขึ้นถึง 11.5 เท่า เมื่อเทียบกับเยาวชนที่มีพ่อไม่ติดสุรา
- ผู้ที่มีภาวะติดสุรามากกว่าครึ่งมีปัญหาการใช้ชีวิตสมรสและปัญหาในการประกอบอาชีพ
- ครอบครัวที่มีสมาชิกอยู่ในภาวะติดสุราจะมีความเสี่ยงต่อความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้นถึง 3.84 เท่า
- แอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เกิดการกระทำรุนแรงในคู่สามีภรรยา ทั้งทางร่างกาย จิตใจและเพศ คือ ภรรยาที่มีสามีดื่มแอลกอฮอล์จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการถูกกระทำรุนแรง 4.27 เท่า และหากทั้งภรรยาและสามีดื่มแอลกอฮอล์โอกาสเสี่ยงต่อการถูกกระทำรุนแรงจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.55 เท่า
จะเห็นว่าผลกระทบมีในทุกด้านทั้งการเงิน การงาน ครอบครัว สังคม สุขภาพ (เรื้อรัง) ที่รุนแรงและ มีผลกระทบในวงกว้างคือทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต และผลกระทบต่อตนเองที่รุนแรงคือ ปัญหาโรคเรื้อรังทางสุขภาพกายและสุขภาพจิต โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มสุราตั้งแต่อายุยังน้อย (ที่มีเพิ่มมากขึ้น) จะมีผลกระทบต่อสมอง กระบวนการคิด ความจำ และการตัดสินใจบกพร่อง
ปัญหาสุขภาพจิตจากการดื่มสุรา
การดื่มสุราในวัยรุ่นมีเพิ่มมากขึ้นและการดื่มสุราในผู้หญิงได้รับการยอมรับมากขึ้น สอดคล้องกับสถิติการเข้ารับการรักษาปัญหาสุขภาพจิตจากการดื่มสุราของโรงพยาบาลสวนปรุง (ข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี ปี 56,57และ 58) มีจำนวน 4,784 ราย , 4,307 ราย และ 4,268 ราย เป็นเพศชาย 4,442 ราย , 4,018 ราย และ 3,944 ราย เพศหญิง 432 ราย , 289 ราย และ 324 ราย (ตามลำดับ) เป็นสัดส่วน 7.7 เท่า , 7.2 เท่า และ 8.2 เท่าของเพศชาย ช่วงอายุที่พบมากที่สุด คือ 35-44 ปี (กลุ่มวัยทำงาน) และช่วงอายุน้อยที่สุดคือ 15-19 ปี (เยาวชน) โดยพบว่าเข้ารับการรักษาปัญหาสุขภาพจิตจากการดื่มสุราเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 56 = 4 ราย , ปี 57 = 6 ราย และปี 58 = 9 ราย ทั้งนี้จากที่ได้กล่าวถึงผลกระทบข้างต้น ยิ่งผู้ดื่มสุราอายุน้อยเท่าไหร่จะส่งผลกระทบต่อสมอง กระบวนการคิด ความจำ การตัดสินใจบกพร่อง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ซึ่งจะเป็นปัญหาเรื้อรัง ขาดความต่อเนื่องในการศึกษา ปัญหาการมีงานทำ และการดูแลของครอบครัว
อนึ่งในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาเป็นช่วงเวลาที่คนไทยส่วนใหญ่ ซึ่งนับถือพุทธศาสนา ให้ความสำคัญว่าเป็นช่วงเวลาที่เป็นมงคลในการทำความดีด้วยการรักษาศีลและงดเหล้าช่วงเข้าพรรษา โรงพยาบาลสวนปรุงและภาคีเครือข่ายจึงร่วมมือกันจัดโครงการรณรงค์ป้องกันปัญหาสุขภาพจิตจากการดื่มสุรา “ชีวิตล้ำเลิศ…ถ้าเลิกสุรา” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นเตือนให้ประชาชน , ผู้ที่ดื่มประจำ , นักดื่มหน้าใหม่ตระหนักถึงผลเสียของการดื่มสุรา เผยแพร่ความรู้แนวทางการเลิกสุราให้สำเร็จ สนับสนุน และให้กำลังใจในผู้ที่ติดสุราให้มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะเลิกสุราอย่างจริงจังและเข้าถึงการบำบัดรักษาอย่างถูกต้อง โดยในปี ๒๕๕๙ นี้ โรงพยาบาลสวนปรุงจะได้จัดโครงการรณรงค์ฯ ดังกล่าว โดยมีการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการลดละเลิกสุราโดยต้นแบบชุมชน ,องค์กร และเครือข่ายลด ละ เลิกสุราในเขตสุขภาพที่ 1 และ 2 โดยในงานมีการอภิปรายหัวข้อ “แนวทางการลดละเลิกสุราโดยต้นแบบชุมชน” “ทำอย่างไรให้ใจเลิกสุรา” “การจัดการเลิกสุราภาษาวัยรุ่น” และการจัดนิทรรศการชุมชนต้นแบบลดละเลิกสุรา ในเดือนกรกฎาคม 2559 นี้
ทั้งนี้โรงพยาบาลสวนปรุงได้จัดทำองค์ความรู้ในการรณรงค์ ลด ละ เลิกสุราได้สำเร็จและเลิกได้ตลอดไป ดังนี้
7 วิธีสังเกตอย่างไรว่าใครติดสุรา
10 วิธีคิดพิชิตการเลิกสุรา
9 วิธีชวนคนรักให้เลิกสุรา
6 แนวคิดของผู้หยุดดื่มสุราได้สำเร็จ
7 เทคนิคดี ๆ ลดการดื่มสุรา ถ้ายังเลิกไม่ได้
7 วิธีสังเกตอย่างไรว่าใครติดสุรา
นายแพทย์ปริทรรศ ศิลปกิจ
นายแพทย์เชี่ยวชาญโรงพยาบาลสวนปรุง
ผู้ที่มีแนวโน้มจะติดสุรา ที่คาดว่าในที่สุดจะต้องส่งมารักษานั้นยังมีอยู่มาก ควรร่วมกันตั้งข้อสังเกตดูว่า
ผู้ที่ดื่มสุราที่อยู่ใกล้ชิดท่าน เริ่มติดสุราหรือยัง โดยดูว่ามีอาการ 3 ใน 7 อย่างดังต่อไปนี้หรือไม่ 1. ต้องเพิ่มปริมาณการดื่มมากขึ้นจึงจะได้ฤทธิ์เท่าเดิม
2. มีอาการทางร่างกายเมื่อไม่ได้ดื่ม
3. ควบคุมการดื่มไม่ได้
4. มีความต้องการอยู่เสมอที่จะเลิกดื่มหรือพยายามหลายครั้งแล้วแต่ไม่สำเร็จ
5. หมกมุ่นกับการดื่มหรือการหาสุรามาดื่ม
6. มีความบกพร่องในหน้าที่การงานหรือการพักผ่อนหย่อนใจ
7. ยังคงดื่มอยู่ทั้ง ๆ ที่มีผลเสียเกิดขึ้นแล้ว
ถ้าพบอาการ 3 ใน 7 อย่างแน่นอนแล้ว อย่านิ่งนอนใจ ขอคำปรึกษาได้ที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง
10 วิธีคิดพิชิตการเลิกสุรา
วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์
ที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลสวนปรุง
ปัญหาสุขภาพจิตจากสารเสพติดและปัญหาสุขภาพจิตจากการเสพสุรา เป็นคำใหม่ที่เพิ่งได้ยินกันมาประมาณ 15 ปี เท่านั้นเอง ในอดีตโรงพยาบาลจิตเวชมักไม่ค่อยพบผู้ที่มารักษาปัญหาสุขภาพจิตที่มีสาเหตุจากการติดสุรา แต่ปัจจุบันนั้นมีมากขึ้น จนโรงพยาบาลจิตเวชต้องมีตึกเฉพาะสำหรับผู้ป่วยเหล่านั้น
นอกจากปรากฏการณ์ในโรงพยาบาลจิตเวชที่มีผู้ป่วยสุขภาพจิตจากการเสพสุรามากขึ้นแล้ว ยังมีปรากฏการณ์ทางสังคมมากมายที่มีสาเหตุมาจากการเสพสุรา เช่น ความรุนแรงในครอบครัว อาชญากรรม การฆ่าตัวตาย เป็นต้น นอกจากนั้นสถิติผู้ที่ดื่มสุรายังใช้ปรากฏเฉพาะในวัยผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ยังแพร่ระบาดไปยังในวัยรุ่นและเด็กอีกด้วย
มาถึงวันนี้เชื่อว่าสังคมรู้กันอยู่แล้วว่าผลเสียของการดื่มสุรานั้นมีมากมายและมีผู้ที่ดื่มสุราอยู่แล้วอยากจะเลิกดื่มให้ได้ และมีผู้ที่ดื่มสุราอยู่แล้วอยากจะเลิกดื่มให้ได้ มักจะเข้ามาขอรับการปรึกษาจากทีมผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้ให้คำแนะนำ 10 วิธีคิดเพื่อพิชิตการเลิกสุรา ซึ่งผู้เขียนได้รวบรวมมาจากตำราต่าง ๆ และประสบการณ์ของทีมงานการให้การช่วยเหลือและปรึกษาแก่ผู้ที่ต้องการจะเลิกสุราและทำได้สำเร็จ ดังนี้
1. ตั้งใจและตั้งเป้าหมาย ความตั้งใจที่แน่วแน่ที่จะเลิกดื่มสุราให้ได้ พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายในการเลิก
ลดทอนลงเป็นระยะ ๆ กระทั่งตั้งเป้าหมายว่าจะเลิกเพื่อใคร เช่น เพื่อแม่ เพื่อลูก ฯลฯ พลังแห่งความตั้งใจและตั้งเป้าหมายว่าจะเลิกเพื่อใครจะเป็นพลังขับเคลื่อนให้เลิกได้สำเร็จ
2. แสวงหาแรงบันดาลใจ การแสวงหาแรงบันดาลใจจะต่อเนื่องมาจากข้อ 1 นั่นคือใครหรืออะไร เป็นแรงบันดาลใจให้เลิก รวมทั้งแสวงหาประสบการณ์จากผู้ที่เลิกสุราสำเร็จ เพื่อเป็นแนวทางที่จะใช้ปฏิบัติตาม
3. แสวงหาแหล่งสนับสนุน การแสวงหาแหล่งสนับสนุน เพื่อเป็นกำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจนั้น อาจเป็นบุคคลในครอบครัวหรือเพื่อนฝูง หรือชมรมสมาคมต่าง ๆ ที่ร่วมกันลดละเลิกสุรา จะเป็นกำลังใจให้กันและกันได้อย่างต่อเนื่อง
4. หลีกเลี่ยงแหล่งกระตุ้นและฝึกทักษะปฏิเสธ ผู้ที่ตั้งใจจะเลิกสุราควรหลีกเลี่ยงแหล่งที่จะกระตุ้นให้มีการดื่ม เช่น งานเลี้ยง กลุ่มเพื่อนฝูงที่ชอบดื่มสุรา และหากถูกชักชวนให้ดื่มก็ให้ตั้งสติคิดถึงเป้าหมายในการเลิกแล้วปฏิเสธ ด้วยหลักการ 3 ข้อ คือ 1.) ปฏิเสธ 2.) บอกเหตุผล 3.) ให้เดินออกจากสถานการณ์นั้นเลย
5. ทำกิจกรรม การทำกิจกรรมในที่นี้หมายความถึง ทั้งการทำงานประจำตามหน้าที่ งานจิตอาสา งานร่วมกับสมาคม สโมสรต่าง ๆ กิจกรรมนันทนาการที่แต่ละคนชื่นชอบ เช่น ดนตรี กีฬา เป็นต้น อนึ่งการทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากจะช่วยส่งเสริมด้านร่างกายและจิตใจ มิให้ฟุ้งซ่านแล้ว ยังสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ตนเองอีกด้วย
6. แสวงหาคุณค่าของตนเอง การแสวงหาคุณค่าและความภาคภูมิใจในตนเองนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดพลังใจจากภายในตัวเองจะส่งผลให้เกิดความมุ่งมั่นฝันฝ่าจนเลิกสุราได้ในที่สุด อนึ่งการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในข้อ 5 ที่อธิบายผ่านมา เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เกิดความภาคภูมิใจได้
7. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายให้สม่ำเสมอตามที่ตนเองถนัดวันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง เป็นการสร้างภูมิต้านทานทางร่างกายให้เข้มแข็งมีพลังที่จะลด ละ เลิกสุราได้ในที่สุด
8. รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ การได้รับประทานอาหารครบห้าหมู่ โดยเฉพาะวิตามินต่าง ๆ นั้นจะช่วยส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรง เพราะผู้ที่ติดสุรามักจะขาดวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย จึงทำให้ร่างกายอ่อนแอ ไร้กำลังที่จะต่อสู้กับการเลิกสุรา ดังนั้นการรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่และเพียงพอจึงเป็นปัจจัยสำคัญยิ่ง
9. อารมณ์ดีและพักผ่อน การได้พักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง นอกจากจะช่วยเสริมด้านกำลังกายซึ่งสืบเนื่องมากับการออกกำลังกายและรับประทานอาหารครบห้าหมู่แล้ว การพักผ่อนนอนหลับยังช่วยให้อารมณ์ดี ไม่หงุดหงิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ นอกจากนั้นควรหาเวลาศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนในศาสนาที่แต่ละคนนับถือ เช่น ชาวพุทธอาจเข้าวัดและวิปัสสนากรรมฐาน เป็นต้น จะช่วยให้อารมณ์ดียิ่งขึ้น
10. พบแพทย์ การพบแพทย์และทีมงานด้านสุขภาพเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ติดสุราและพยายามเลิกสุราด้วยตัวเอง แต่ทำไม่สำเร็จจึงควรมาพบแพทย์ เพราะวงการแพทย์มีวิธีการรักษาและมียาชดเชยความอยากดื่มและวิธีอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี และขอย้ำว่าขั้นตอนที่ 1 ถึง 9 นั้น เหมาะสมสำหรับผู้ที่ดื่มสุรา ไม่มากนักแต่อยากจะเลิกดื่มซึ่งจะได้ผลดียิ่ง แต่สำหรับผู้ที่ติดสุรามากแล้วจนถึงขั้นลงแดง ห้ามหักดิบหรือเลิก ด้วยตัวเองเด็ดขาด เพราะอาจอันตรายถึงชีวิต ควรมาพบแพทย์เพื่อจะได้วางแผนรักษาร่วมกัน อย่างเหมาะสมกับแต่ละราย
10 วิธีคิดเพื่อพิชิตการเลิกเหล้าดังกล่าว มีผู้ปฏิบัติได้ผลมามากแล้ว และควรทำตามหลักการทั้ง 10 ข้อไปพร้อม ๆ กันอย่างสม่ำเสมอจนกว่าจะเลิกได้สำเร็จ และแม้เลิกดื่มได้สำเร็จแล้วก็ควรปฏิบัติตามหลักการ 10 ข้อดังกล่าวต่อไป เพื่อเป็นเครื่องมือทางความคิดสู่วิถีปฏิบัติให้เลิกได้อย่างยั่งยืนในที่สุด
9 วิธีชวนคนรักให้เลิกสุรา
วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์
ที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลสวนปรุง
แนวทางหนึ่งที่จะยับยั้งและช่วยลดปริมาณผู้ดื่มสุราได้คือต้องมีการเชิญชวนบุคคลที่ดื่มสุราให้เลิกดื่ม และพบว่าเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ได้ผลก็คือ การชวนคนรักให้เลิกสุรา โดยมีวิธีการเชิญชวนที่ได้ผล 9 วิธี ดังนี้
1. ชวนในขณะที่ผู้ดื่มสุรามีอารมณ์สงบ การจะเชิญชวนให้หันมาประพฤติด้านดีในเรื่องใดๆ นั้น ควรชวนในจังหวะที่เขามีอารมณ์สงบ โดยเฉพาะชวนตอนที่เขาไม่ดื่มสุราหรือตอนที่เมาสุราน้อยที่สุด ตอนที่มีสติสงบที่สุด เพราะการสื่อสารชักชวนในภาวะที่สงบ จะช่วยให้เขาพร้อมที่จะรับฟังด้วยความมีสตินั่นเอง
2. ชวนด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่สุภาพและเป็นมิตร การชวนคนที่เรารักมาเลิกเหล้าด้วยน้ำเสียงและ ท่าทีที่เป็นมิตรนั้นจะส่งผลต่อการตอบรับที่ดี เพราะน้ำเสียงและท่าทีที่สุภาพและเป็นมิตร จะทำให้เขารู้สึกว่าได้รับการยอมรับและให้เกียรติจากเรานั่นเอง กล่าวคือ ชวนด้วยน้ำเสียงกลาง พูดมีหางเสียง ไม่ข่มขู่ ไม่ตะคอกหรือเหน็บแนม เย้ยหยัน พร้อมทั้งมีกิริยาท่าทีที่สุภาพตามมารยาททางสังคม
3. ชวนด้วยการสื่อสารที่แสดงความห่วงใยและปรารถนาดี การชวนด้วยความห่วงใยและปรารถนาดีนั้น คือการสื่อสารเพื่อให้เขารับรู้ว่า เราห่วงใยต่อคุณภาพชีวิตและสังคมของเขาและปรารถนาให้เขาพ้นจากวังวนของการติดสุรา เช่น อาจจับมือเขาด้วยความสุภาพพร้อมกับสบตา ด้วยแววตาที่เป็นมิตรแล้วพูดว่า “ผมเป็นห่วงคุณมากๆ อยากให้คุณมีสุขภาพสมบูรณ์และไปเล่นกีฬาด้วยกันเหมือนในอดีตและไม่อยากให้ใครๆ มองคุณด้วยสายตาที่หยามหมิ่นครับ”
4. ชวนสนทนาถึงผลเสียของการดื่มสุรา การชวนผู้ที่ดื่มสุราสนทนาเกี่ยวกับผลเสียของการดื่มสุราทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมนั้นจะช่วยให้เขาตระหนักรู้เกี่ยวกับตนมากขึ้น ยิ่งถ้าชวนให้เขาเปรียบเทียบถึงบุคลิกร่างกายทั้งก่อนดื่มสุราและหลังดื่มสุรายิ่งช่วยให้เขาพบผลเสียที่ชัดเจนของการดื่มสุรายิ่งขึ้น จะช่วยทำให้เขากลัวผลกระทบและนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น
5. ชวนให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะเลิกดื่มสุรา การชวนให้เขาเกิดแรงบันดาลใจเพื่อจะเลิกดื่มนั้น เป็นวิธีการที่ได้ผลมากและยั่งยืนเพราะแรงบันดาลใจทำให้เกิดความมุ่งมั่นจริงจังและจริงใจที่จะกระทำ แรงบันดาลใจเป็นพลังความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาและสิ่งอื่นๆ ที่สำคัญแนบแน่นต่อเขา เช่น เลิกเพื่อพ่อแม่ เลิกเพื่อลูก เลิกเพื่อถวายแด่สิ่งที่เขาเคารพนับถือ เป็นต้น
6. ชวนให้เลิกในโอกาสพิเศษ การชวนให้เลิกในโอกาสพิเศษนั้นมีความหมายถึงการเริ่มต้นและตั้งเป้าหมายที่จะเลิก การตั้งเป้าหมายเป็นหัวใจสำคัญของการเริ่มต้น ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของแทบทุกเรื่อง เช่น เลิกในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของตนเอง หรือเลิกเหล้าเข้าพรรษา เป็นต้น
7. ชวนไปพบแพทย์และบุคลากรทางสาธารณสุข การชวนไปพบแพทย์ เป็นการไปพบผู้เชี่ยวชาญที่จะบำบัดรักษาและให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และน่าเชื่อถือในทางวิชาการและร่วมกันวางแผนเพื่อเลิกสุราอย่างเป็นระบบ มีขั้นตอนที่เหมาะสมและลดอันตรายต่าง ๆ ได้ ยิ่งหากเป็นผู้ที่ติดสุรามาก ๆ แล้ว ไม่ควรเลิกด้วยตนเองทันที เพราะการหักดิบอาจทำให้หมดสติ (ช็อก) และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
8. ชวนด้วยความพยายาม ผู้ที่ติดสุราบางคนอาจต้องชวนบ่อยๆ เขาจึงจะเลิกดื่มสุรา หรือเลิกดื่มได้ช่วงระยะหนึ่งแล้วก็หันกลับไปดื่มเช่นเดิม ก็ให้เริ่มชวนครั้งต่อไปให้มาเลิกสุราอีก เรียกว่า “ชวนแล้วชวนอีก” ชวนด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวดและอย่าย่อท้อ จนกว่าเขาจะเลิกได้อย่างถาวร
9. ชวนให้เลิกได้สำเร็จแล้วต้องชื่นชม การชื่นชมผู้ที่มีความพยายามจะเลิกสุรานั้น เป็นการสื่อสารเพื่อให้กำลังใจแก่เขา แม้เขาอาจเลิกดื่มได้ระยะหนึ่งก็ให้ชื่นชมที่พยายามเลิกได้ระยะหนึ่ง แล้วพยายามชวนต่อไป อย่าตำหนิติเตียนหรือเย้ยหยันว่าเลิกได้ช่วงระยะเวลาเดียวเท่านั้น เมื่อเขาเริ่มที่จะเลิกดื่มอีกก็ชื่นชมอีกและ ควรค้นหาคุณงามความดีด้านอื่นๆ ของเขาเพื่อนำมาชื่นชม การชื่นชมจะช่วยทำให้เขารู้สึกว่าตัวเขามีคุณค่ายิ่งขึ้น เป็นปฏิบัติการสื่อสารทางจิตวิทยาที่จะช่วยจูงใจและปรับพฤติกรรมเขาได้ดียิ่งขึ้น
เก้าข้อ เก้า ช. เพื่อเชิญชวนคนรักมาเลิกเหล้าตามที่นำเสนอมานั้น จะต้องทำไปพร้อมๆ กันหรือทำให้สัมพันธ์กันอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ โดยเรียงลำดับตั้งแต่ข้อ 1 ไปจนถึงข้อ 9 โดยเฉพาะ 3 ข้อแรกนั้นคือ การชวนในขณะที่เขาอารมณ์สงบ ชวนด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่สุภาพเป็นมิตร และชวนด้วยการสื่อสารที่แสดงความห่วงใยและปรารถนาดีนั้น เป็นหลักการพื้นฐานที่จะช่วยให้การชวนตามหลักการ ข้อ 4 ถึงข้อ 9 ได้ผลยิ่งขึ้น อนึ่งการชวนคนรักมาเลิกเหล้าทั้ง 9 ข้อดังกล่าว เป็นทั้งหลักการแสดงออกถึงความรักที่เป็นรูปธรรม ตลอดจนเป็นเครื่องมือเพื่อใช้สำหรับชวนคนรักมาเลิกเหล้าที่ได้ผลดียิ่ง แล้ววันนี้คุณได้ชวนคนที่คุณรักมาเลิกเหล้าแล้วหรือยัง!
6 แนวคิดของผู้หยุดดื่มสุราได้สำเร็จ
วงเดือน สุนันตา
พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลสวนปรุง
กลุ่มผู้ติดสุรานิรนาม AA โรงพยาบาลสวนปรุง
- มีการยอมรับปัญหาการติดสุราของตนเอง โดยยอมรับว่าดื่มต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ไม่มีแก้วแรก
สำหรับตนเอง ไม่สามารถควบคุมการดื่มของตนเองได้อีกแล้วแม้แต่นิดเดียว ช่วงที่ดื่มอยู่ชีวิตมันตกต่ำ มันแย่สุดๆ
- มีแรงบันดาลใจ เป้าหมายในการหยุดดื่ม เช่น ร่างกายผมไม่ไหวอีกแล้ว ดื่มต่อไปอีกงานพังแน่ๆ
สงสารลูก ห่วงความรู้สึกของลูก เป็นของขวัญให้ลูก เป็นต้น
- มีการปรับแผนการดำเนินชีวิตประจำวันของตนเอง โดยค้นหาจุดล่อแหลมต่อการกลับไปดื่ม
แล้วดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
- มีการให้กำลังใจตนเอง โดยไม่ต้องรอคนอื่น การให้กำลังใจตนเองทำได้ง่าย ๆ เช่น การบันทึก
ตารางดาวในปฏิทินเป็นรายวันสะสมไปเรื่อยๆ
- มีแหล่งประคับประคอง ดูแลช่วยเหลือเมื่อประสบเหตุไม่ลงตัวในการดำเนินชีวิต หรือ
ความเครียด เช่น วัด บุคลากรสาธารณสุข เพื่อนที่ไว้วางใจ เป็นต้น
- มีวิธีจัดการหรือเผชิญปัญหาและความเครียดอย่างสร้างสรรค์ในทางบวก และปลอดภัยจากสุรา
ยาเสพติดอื่นๆ
มีหลายคนที่ปรับแนวทางการดำเนินชีวิตใหม่แล้วประสบความสำเร็จในการเลิกดื่มสุรา ในขณะที่บางคนเกิดการพลาดพลั้งกลับไปดื่มอีก นั่นคือสิ่งที่ควรระมัดระวัง หากท่านพลั้งเผลอกลับไปดื่มอีก ให้รีบถอนตัวแล้วตั้งหลักให้ได้ ท่านอาจตั้งหลักด้วยตัวท่านเอง หรือขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นที่ท่านไว้วางใจซึ่งอาจเป็นบุคคลที่เลิกดื่มแล้วหรือบุคลากรสาธารณสุข ทั้งนี้ ท่านอาจรู้สึกผิด อาย โกรธตัวเอง น้อยใจ เบื่อ ท้อ ซึ่งก็เป็นปกติที่ท่านจะรู้สึกแบบนั้นได้ แต่ให้รับรู้ความรู้สึกของตนเอง รีบตั้งหลัก แล้วเดินต่อไปให้ได้
7 เทคนิคดี ๆ ลดการดื่มสุรา ถ้ายังเลิกไม่ได้
- ตั้งจุดมุ่งหมายถึงปริมาณและจำนวนวันที่ตั้งใจจะดื่ม
- ตั้งจังหวะการดื่มในแต่ละครั้ง เช่น จิบอย่างช้าๆ ดื่มน้อยกว่า 1 แก้วต่อชั่วโมง หรือสลับเปลี่ยนด้วย
เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม หรือ น้ำผลไม้
3. รับประทานอาหารร่วมด้วยขณะดื่ม จะทำให้สุราถูกดูดซึมได้ช้าลง
4. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น ถ้าเห็นคนบางคน หรือ สถานที่บางอย่าง แล้วทำให้รู้สึกอยากดื่ม ก็ควรที่จะ
หลีกเลี่ยงเหตุการณ์นั้น ๆ ถ้ากิจกรรมบางอย่างเป็นตัวกระตุ้น ก็ควรที่จะวางแผนว่าจะทำอะไรแทนกิจกรรมนั้น
แต่ถ้าการอยู่ที่บ้านเป็นตัวกระตุ้น ก็ควรที่จะไม่มีสุราเก็บไว้ในบ้าน
5. วางแผนที่จะจัดการกับความรู้สึกอยากดื่มเมื่อมันเกิดขึ้น เช่น เตือนตนเองถึงเหตุผลที่ต้องการเลิก
พูดคุยกับคนที่รู้สึกไว้วางใจ หรือหันไปทำกิจกรรมอื่นที่ไม่กระตุ้นให้ดื่ม หรือบางทีก็ปล่อยให้ความรู้สึกอยากดื่มนี้มี
ต่อไป โดยยอมรับถึงความรู้สึกนี้ และรู้ว่าอีกไม่นานมันก็จะหายไป
6. รู้จักที่จะปฏิเสธ เนื่องจากจะมีบ่อยครั้งที่คนอื่นจะชักชวนให้ดื่ม โดยทำอย่างสุภาพ และจริงจัง
ยิ่งปฏิเสธได้เร็วเท่าใด ยิ่งทำให้มีโอกาสน้อยที่จะกลับไปดื่มอีก ดังนั้นไม่ควรลังเลที่จะปฏิเสธอย่างทันทีทันใด
เมื่อมีผู้ชักชวนให้ดื่ม
7. การมีกลุ่มที่ช่วยเหลือสนับสนุนกันในการเลิกการดื่ม จะสามารถช่วยให้มีกำลังใจ ได้เห็นตัวอย่างของ
ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการเลิกดื่ม และให้ประสบการณ์หรือวิธีการของแต่ละคนในการเลิกการดื่มได้ด้วย
ข้อมูลโดย ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการบำบัดรักษาผู้มีปัญหาสุขภาพจิตจากสุรา
เรียบเรียงโดย งานประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลสวนปรุง
โทร. 0 5390 8500